คุยกับสองผู้สร้างสรรค์ Sticky Monster Lab มอนสเตอร์หน้าตายจากเกาหลี ที่มาแจกความสดใสให้ชาวไทยปลายปีนี้

Post on 11 December

เป็นประจำทุกสิ้นปีที่ศูนย์การค้า Central Embassy จะพาศิลปินและนักออกแบบคนดังจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมคอลแลบในโปรเจกต์เฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี ซึ่งสำหรับปีนี้ก็เป็นคิวของ Sticky Monster Lab (หรือที่หลาย ๆ คนเรียกแบบย่อ ๆ ว่า SML) ครีเอทีฟสตูดิโอจากประเทศเกาหลีใต้ที่โดดเด่นจากผลงานการออกแบบคาแรกเตอร์เหล่ามอนสเตอร์ตัวกลมหน้าตาย ที่น่ารักน่าชังจนสามารถไปครองใจคนได้แทบทุกเพศ ทุกวัย

แม้โลกจะเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์ยอดนิยมที่ถูกออกแบบมาอย่างซับซ้อน เพื่อสร้างความแตกต่างให้ได้มากที่สุด แต่ Sticky Monster Lab กลับเลือกเส้นทางตรงข้าม นั่นก็คือการสร้างมอนสเตอร์หน้าตายที่ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายจากจุดและขีดเพียงไม่กี่เส้น แต่พวกมันกลับมีเสน่ห์จนใครต่อใครต่างก็จำได้ขึ้นใจตั้งแต่แรกเห็น เพราะความจริงแล้ว ภายใต้ความไร้อารมณ์บนใบหน้า มันกลับเป็นพื้นที่ให้ผู้คนได้เติมความรู้สึกและประสบการณ์ของตัวเองลงไปทีละนิด เหมือนเป็นกระจกสะท้อนอารมณ์เล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันที่เรามักมองข้าม

และในโอกาสที่ตอนนี้ Sticky Monster Lab กำลังพาสองมอนสเตอร์อย่างเจ้า RedMon และเจ้า ElfMon มาร่วมเฉลิมฉลองในโปรเจกต์ FUNNY LITTLE MESS: SEASON OF GIVING ร่วมกับ Central Embassy เราเลยถือโอกาสไปพูดคุยกับ Fla และ Boo สองผู้สร้างสรรค์ที่อยู่เบื้องหลังคาแรกเตอร์น่ารัก ๆ ใน Sticky Monster Lab ทั้งเรื่องแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน แรงบันดาลใจ และมุมมองที่เขามีต่อความเรียบง่ายที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้คนในวงกว้างได้มากกว่าที่คิด

📌 คาแรกเตอร์ของ Sticky Monster Lab ดูเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน จุดเริ่มต้นของการออกแบบมอนสเตอร์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

SML: “ด้วยพื้นเพที่พวกเรามาจากสายกราฟิกดีไซน์ เวลาออกแบบอะไร เราจะเริ่มจากการทำให้มันเรียบง่ายที่สุดและตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปเรื่อย ๆ ตอนที่เราทดลองออกแบบสีหน้าของคาแรกเตอร์ เราก็ทำแบบเดียวกัน คือค่อย ๆ ลดรายละเอียดลง จนสุดท้ายกลายเป็นใบหน้าที่แทบไม่มีอารมณ์เลย

“แต่ความน่าสนใจคือ แม้ใบหน้าของคาแรกเตอร์เหล่านี้จะดูนิ่งมาก แต่พอเอาเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน คนกลับอ่านอารมณ์ได้ไม่เหมือนกัน บางคนบอกดูตลก บางคนบอกดูเศร้า บางคนบอกดูเหนื่อยหรือกังวล ตอนนั้นแหละที่เรารู้ว่า ความเรียบง่ายแบบนี้ มันสามารถเปิดพื้นที่ให้คนตีความได้เยอะมาก และผู้ชมมักจะเติมอารมณ์ให้คาแรกเตอร์มากกว่าสิ่งที่เราวาดจริง ๆ ซึ่งมันกลายเป็นแก่นสำคัญของผลงานเราเลย”

📌 หลายคนรู้สึกว่า คาแรกเตอร์ของคุณสะท้อนความรู้สึกของคนยุคนี้ ทั้งความกังวล ความเขิน ความเหงา แต่ก็ยังมีอารมณ์ขันซ่อนอยู่ด้วยเสมอ นี่เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกเลย หรือเป็นสิ่งที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ?

SML: “เราเชื่อว่า ยิ่งเรื่องไหนเป็นส่วนตัวมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจตรงกันได้มากขึ้นเท่านั้น หลายครั้งคนเราต้องรีบเร่งใช้ชีวิตจนปล่อยให้อารมณ์ต่าง ๆ ผ่านไปโดยแทบไม่รู้ตัว เราเลยอยากหยิบช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมาพูดถึง ทั้งความเหงา ความอึดอัด ความเศร้าเล็ก ๆ หรือความตลกในความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต

“บทบาทของเราคือการชี้ชวนให้ผู้คนกลับไปรับรู้ถึงความรู้สึกเหล่านั้นอีกครั้งว่า ‘คุณเองก็เคยรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม?’ เราหยิบเอาประสบการณ์ของตัวเองมาใช้ และมันก็กลายเป็นผลงานที่สะท้อนอารมณ์และชีวิตของผู้คนในปัจจุบันไปเองโดยธรรมชาติ”

📌 การออกแบบคาแรกเตอร์ของ Sticky Monster Lab ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไรบ้าง?

SML: “พวกเราได้รับอิทธิพลมาจากแทบทุกอย่างเลย แม้แต่สิ่งที่เคยเห็นอยู่ซ้ำ ๆ ทุกวันก็ยังสามารถรู้สึกแตกต่างออกไปได้ตามอารมณ์ของเราในวันนั้น ๆ ถ้าคุณไปถามนักออกแบบ ศิลปิน หรือนักเขียนว่า แรงบันดาลใจของพวกเขามาจากไหน คำตอบที่ได้ก็น่าจะออกมาคล้าย ๆ กัน ก็คือมาจากชีวิตประจำวันนี่แหละ แรงบันดาลใจมักจะมาจากประสบการณ์เล็ก ๆ ระหว่างวันที่เก็บสะสมไปเรื่อย ๆ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นผลงานในภายหลัง

“สำหรับเราก็เช่นกัน เราไม่ได้รับแรงบันดาลใจจากแค่แหล่งใดแหล่งหนึ่ง ชีวิตและประสบการณ์ในแต่ละวันของเราที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ นั่นแหละที่จะสะท้อนผ่านคาแรกเตอร์และเรื่องราวของเรา”

📌 โปรเจกต์ FUNNY LITTLE MESS: SEASON OF GIVING ที่พวกคุณทำร่วมกับ Central Embassy ดูทั้งอบอุ่นและซุกซน คุณตีความธีมนี้ให้ออกมาเป็นผลงานของ Sticky Monster Lab อย่างไรบ้าง?

SML: “Central Embassy เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีความหรูหราและประสบการณ์หลากหลายสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งการที่พื้นที่มันใหญ่ขนาดนี้ เราก็เลยตั้งใจโฟกัสกับรายละเอียดเล็ก ๆ ที่คนอาจมองข้าม เราขยายสิ่งเล็ก ๆ เหล่านั้นให้เห็นชัดเจนขึ้น เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกว่า ช่วงเวลาธรรมดาเล็ก ๆ แบบนี้ก็มีความหมายได้เหมือนกัน นั่นคือวิธีที่เรานำเสนอ FUNNY LITTLE MESS: SEASON OF GIVING ในแบบของเรา”

📌 ตอนนำเสนอแนวคิดนี้ให้กับทีม Central Embassy ฟัง พวกเขามีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?

SML: “พวกเขาสนับสนุนพวกเรามาก ๆ เลย โดยปกติโปรเจกต์แบบนี้มักจะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งด้านงบประมาณ การผลิต ความปลอดภัย รวมถึงสภาพอากาศ โดยเฉพาะผลงานที่ถูกนำไปจัดแสดงกลางแจ้ง แต่ทางทีม Central Embassy ก็พยายามหาทางช่วยเราให้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ซึ่งสำหรับศิลปินแล้ว ความเชื่อใจและการสนับสนุนแบบนี้คือพลังที่สำคัญมาก มันทำให้เราสามารถถ่ายทอดสิ่งที่คิดไว้ได้อย่างอิสระมากขึ้น”

📌 คุณออกแบบความสัมพันธ์ของสองคาแรกเตอร์หลักในโปรเจกต์ FUNNY LITTLE MESS: SEASON OF GIVING อย่างเจ้า RedMon และเจ้า ElfMon ไว้แบบไหน?

SML: “สำหรับพวกเรา ผู้ชมคือองค์ประกอบที่สำคัญของผลงาน เราไม่อยากเป็นคนกำหนดหรือตีกรอบความสัมพันธ์ของคาแรกเตอร์ทั้งสองแบบตายตัว เราอยากให้คนดูสังเกตคาแรกเตอร์ทั้งสองเอง แล้วลองจินตนาการต่อว่า ‘พวกเขาเป็นเพื่อนกันเหรอ? เพื่อนร่วมงาน? รูมเมต? หรืออย่างอื่น?’ การได้ลองคาดเดาและสร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาถือเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น เราเลยตั้งใจเว้นพื้นที่ให้ผู้ชมได้ตีความด้วยตัวเองด้วย”

📌 ในงานนี้มี Easter Egg หรือรายละเอียดที่ตั้งใจให้คนมาร่วมค้นหาไหม?

SML: “พวกเราพยายามไม่ซ่อนรายละเอียดจนมองไม่เห็น แต่ก็แอบใส่ความขี้เล่นเล็ก ๆ ไว้เหมือนกัน อย่างเช่น มีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่เหมือนเพิ่งทำถุงเท้าหล่น ส่วนอีกจุดหนึ่งก็จะมีร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่า เขาหนีไปพร้อมกับถุงของขวัญแล้ว เราหวังว่า ผู้คนจะสนุกกับการได้ตามรอยหาเบาะแสเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรื่องราวที่กระจายอยู่ทั่วทั้งพื้นที่”

📌 ในการมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ มีอะไรที่ทำให้พวกคุณประทับใจหรือเกิดแรงบันดาลใจในการออกแบบคาแรกเตอร์บ้างไหม?

SML: “หนึ่งในความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเราคือภาษาและระบบตัวเขียน อักษรไทยแตกต่างจากอักษรเกาหลีโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่า เราอ่านไม่ออก แต่เพราะอ่านไม่ออกนี่แหละ เราเลยมองตัวอักษรไทยเป็น ‘ภาพ’ มากกว่าเป็น ‘ข้อความ’ ซึ่งมันทำให้รู้สึกแปลกใหม่และกระตุ้นจินตนาการของเราได้ดีมาก เราคิดว่า ความแปลกตาและความสนุกแบบนี้อาจจะไปโผล่ในผลงานในอนาคตของเราสักทางใดทางหนึ่งก็ได้”

📌 ถ้าคุณต้องสร้างคาแรกเตอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศไทย คาแรกเตอร์นั้นจะออกมาเป็นแบบไหน?

SML: “จากการที่เราได้มาสัมผัสที่นี่ ทุกอย่างดูใหม่สำหรับพวกเราไปหมดเลย ทั้งป้ายถนน ภาษา เสียงรอบตัว บรรยากาศของแต่ละย่าน ตอนนี้เราเลยจินตนาการไปถึง มอนสเตอร์ท้องถิ่นที่คอยดูดซับรายละเอียดแปลกใหม่เหล่านี้เข้าไป ทั้งรูปร่างของตัวอักษร เสียงผู้คนบนถนน สภาพอากาศ และชีวิตประจำวันของคนในเมือง มันต้องเป็นมอนสเตอร์ที่รู้สึก ‘เป็นไทย’ แต่ก็ยังมีความแปลกใหม่และน่าค้นหา มีความประหลาดนิด ๆ แต่ก็สนุก เหมือนกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เรากำลังเจออยู่ในตอนนี้”